การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Climate Change Conference) สมัยที่ 27 หรือ COP27 ได้จัดขึ้นที่ชาร์ม เอล ชีค เมืองชายฝั่งในประเทศอียิปต์ ระหว่างวันที่ 6 ถึง 18 พฤศจิกายน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากทั่วโลก หลี่ เหวินซู (Li Wenxue) รองประธานบริษัทลอนจี (LONGi) ได้เข้าร่วมการประชุมออนไลน์ในหัวข้อ “การเงินสีเขียวและอุตสาหกรรมจีนรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” (Green Finance and Chinese Industries Tackling Climate Change) ในวันที่ 12 พฤศจิกายน พร้อมเผยแพร่รายงานปกขาวว่าด้วยการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (White Paper on Climate Action) ฉบับที่ 2 ต่อทั้งโลก
คุณหลี่ เหวินซู กล่าวในการบรรยายว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายร่วมกัน และเป็นเรื่องของการพัฒนาที่ยั่งยืนของมนุษยชาติทั้งหมด” และกล่าวเสริมว่าสภาวะปัจจุบันของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกได้เปลี่ยนจากที่เคยเป็นความท้าทายในอนาคตเป็นวิกฤตฉับพลันในขณะนี้ จากรายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change หรือ IPCC) ระบุว่า เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส การปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับโลกต้องไปถึงจุดสูงสุดในปี 2568 และลดลงเกือบครึ่งหนึ่งในปี 2573 ในแง่นี้จำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันผลกระทบรุนแรงด้านภูมิอากาศที่เกิดจากภาวะโลกร้อน ด้วยการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่คาร์บอนต่ำด้วยมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จริงจัง
คุณหลี่ เหวินซู เน้นย้ำว่า ในการเผชิญกับวิกฤตที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การทดแทนการใช้พลังงานแบบเดิมด้วยพลังงานหมุนเวียนเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสีเขียวและคาร์บอนต่ำ
ตามที่มีการคาดการณ์ ภายในปี 2573 สมรรถนะใหม่รายปีของการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีการติดตั้งในโลกจะต้องสูงถึง 1,500-2,000 กิกะวัตต์ เพื่อสร้างการสนับสนุนที่มีประสิทธิผลสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานระดับโลก ซึ่งจะเป็นการปูรากฐานสำหรับการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ระดับโลก ทั้งนี้สมรรถนะที่มีการคาดการณ์ดังกล่าวนี้จะสูงกว่าสมรรถนะใหม่ของการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีการติดตั้งในโลกในปี 2564 อยู่ 10 เท่า
การเปลี่ยนแปลงสีเขียวคาร์บอนต่ำจะสร้างตลาดสีเขียวขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นตัวเร่งใหม่สำหรับการพัฒนาสีเขียว
ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีพลังงานชั้นนำระดับโลก ลอนจีเชื่อมั่นว่าการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีสามารถช่วยให้มนุษยชาติบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วยต้นทุนที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
นับตั้งแต่ปี 2564 ลอนจีได้ทำลายสถิติโลกในด้านประสิทธิภาพการแปลงพลังงานของเซลล์แสงอาทิตย์ 11 สมัยติดต่อกัน พร้อมทั้งยังมุ่งพัฒนาโซลูชั่นนวัตกรรม “ไฟฟ้าสีเขียว + ไฮโดรเจนสีเขียว” ลอนจีมุ่งอยู่เสมอที่จะเป็นผู้สนับสนุน ผู้ปฏิบัติ และผู้นำการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านพลังงานสะอาดระดับโลก ด้วยการมีส่วนช่วยในเชิงบวกในการพัฒนาคาร์บอนต่ำสีเขียวระดับโลก และบรรลุอนาคตที่มีการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์
รายงานที่เผยแพร่โดย ลอนจีได้แก่เอกสารปกขาวฉบับที่สองว่าด้วยการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นับตั้งแต่ที่บริษัทได้เข้าร่วมในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเมื่อปีที่แล้ว ในปี 2564 ลอนจีได้สร้างระบบการทำบัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท (ขอบเขตที่ 1, 2 และ 3) บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามโครงการพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน อาร์อี100 (RE100) อย่างจริงจัง และใช้พลังงานสีเขียว 3,096 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงตลอดปีดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40.19% ของการบริโภคพลังงานโดยรวม ซึ่งเท่ากับหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1.68 ล้านตัน รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 160,000 ตันด้วยการอนุรักษ์พลังงานและลดการบริโภค
ขณะที่ลอนจียังคงตอบสนองความต้องการระดับโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับสมรรถนะการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ค่าความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซคาร์บอนของบริษัทฯ ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อรายรับต่อหน่วยในปี 2564 ต่ำกว่าในปี 2563 อยู่ 20.7% ซึ่งถือเป็นการปูรากฐานสำหรับการค่อย ๆ แยกการเติบโตของสมรรถนะกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนออกจากกัน (decoupling) ทั้งนี้มีการรายงานว่า รายงานดังกล่าวนี้ได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคจากเดอะ คาร์บอน ทรัสต์ (The Carbon Trust) บริษัทที่ปรึกษาอิสระระดับระหว่างประเทศ อีกทั้งยังแสดงถึงการยึดมั่นและการดำเนินการเชิงปฏิบัติของลอนจีอย่างครอบคลุมในฐานะองค์กรธุรกิจชั้นนำในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในแง่ของการดำเนินการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์กรบริษัทนั้น ทั้งฝ่ายบริหารจัดการและพนักงานระดับฐานรากของลอนจีมีความทะเยอทะยานและมุ่งเน้นการปฏิบัติจริง ในปี 2561 ลอนจีได้เป็นผู้นำในการเสนอแนวคิด “พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อพลังงานแสงอาทิตย์” (Solar for Solar) ในงานประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 24 ในปี 2563 ลอนจีเป็นองค์กรธุรกิจจีนแห่งเดียวที่เข้าร่วมโครงการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสี่โครงการพร้อมกัน ประกอบด้วย โครงการด้านพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน อาร์อี100, โครงการด้านผลิตภาพพลังงาน อีพี100 (EP100), โครงการด้านยานยนต์ไฟฟ้า อีวี100 (EV100) และโครงการเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอิงหลักวิทยาศาสตร์ หรือเอสบีทีไอ (SBTi) ในปี 2564 ลอนจีเริ่มต้นการก่อสร้าง “โรงงานคาร์บอนเป็นศูนย์” (Zero Carbon Factory) แห่งแรกในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์และได้ก่อตั้งแผนกการผลิตอุปกรณ์พลังงานไฮโดรเจนของบริษัทฯ ในปี 2565 ลอนจีได้เผยแพร่ “แผนส่งเสริมคู่ค้าสีเขียวในห่วงโซ่อุปทาน” (Supply Chain Green Partner Empowerment Plan) โดยตอบสนองต่อข้อกำหนดของเป้าหมาย “การลดคาร์บอนสองเท่า” (Double Carbon) ระดับชาติจีนอย่างจริงจัง และทำงานร่วมกับคู่ค้าเพื่อส่งเสริมเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงานและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อไป
ในระหว่างปีที่ผ่านมา ลอนจีได้ส่งเสริมการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมั่นคง อีกทั้งยังได้สร้างระบบการทำบัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทฯ (ขอบเขตที่ 1, 2 และ 3) พร้อมทั้งเร่งสร้างระบบบริหารจัดการการพัฒนาที่ยั่งยืนและการปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ตลอดจนใช้พลังงานสีเขียวในสัดส่วนที่สูงอย่างจริงจัง ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง ลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซคาร์บอนในผลิตภัณฑ์ และวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการบรรลุการค่อย ๆ แยกการเติบโตของสมรรถนะออกจากการปล่อยก๊าซคาร์บอน
ในปัจจุบัน โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ อย่างเช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ วิกฤตโรคระบาดโควิด -19 และการขาดเสถียรภาพในห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่บางประเทศแสดงความไม่แน่นอนในนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จีนยังคงให้ความสำคัญอย่างมากกับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และดำเนินตามเส้นทางการพัฒนาสีเขียวอย่างแน่วแน่
“ลอนจียังเชื่อมั่นว่า การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจุกสุทธิเป็นศูนย์เป็นฉันทามติระดับโลก และมีความยินดีที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรจากทุกฝ่าย เพื่อดำเนินการร่วมกันในการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและการพัฒนาสีเขียวคาร์บอนต่ำ เราจะมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการพัฒนานวัตกรรมขององค์กรธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน และช่วยให้จีนและโลกก้าวสู่อนาคตที่มีการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ” หลี่ เหวินซู กล่าวในการบรรยาย
กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact หรือ UNGC) คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (Energy Transformation Commission หรือ ETC) หอการค้าฝ่ายพลังงานใหม่ของจีน (China New Energy Chamber of Commerce หรือ CNECC) สภาธุรกิจโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (World Business Council for Sustainable Development หรือ WBCSD) และองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ ประกอบกับตัวแทนบางส่วนของคู่ค้าและลูกค้าของลอนจี ได้มีส่วนร่วมและสนับสนุนการเผยแพร่เอกสารปกขาวว่าด้วยการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศประจำปี 2565 ของลอนจี ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำของโลก ลอนจีพร้อมด้วยมูลนิธิว่านเคอ (Vanke Foundation) และโครงการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์กรบริษัทจีน (China Corporate Climate Action หรือ CCCA) ได้จัดนิทรรศการในธีมบริษัทในโซนสีเขียว (Green Zone) ของงานประชุม COP27 พร้อมทั้งจัดแสดงโมดูลโซลาร์เซลล์ซีรีส์ Hi-MO 6 รุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัทฯ ด้วย
ใส่ความเห็น