พพ. เตรียมปล่อยเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน 6,000 ล้าน ช่วยหน่วยงานราชการติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปตามคำสั่งนายกฯ ระบุกำลังออกหลักเกณฑ์และคาดเปิดร่วมโครงการได้ ธ.ค. นี้ เล็งเปิดอีก โครงการ Matching Fund เฟส 2 หนุนโรงพยาบาลรัฐเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน
นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า พพ. เตรียมปล่อยเงินกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน 6,000 ล้านบาท เพื่อนำมาสนับสนุนหน่วยงานราชการดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ทั้งนี้รวมไปถึงโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์สำหรับในหน่วยงานราชการทั่วประเทศ ตามคำสั่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วย
โดย พพ. อยู่ระหว่างออกหลักเกณฑ์การขอใช้งบประมาณดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายในเดือน พ.ย. นี้ และจะประกาศเปิดให้ร่วมโครงการได้ในเดือน ธ.ค. 2559 อย่างไรก็ตามหลักเกณฑ์เบื้องต้นจะกำหนดให้หน่วยงานละไม่เกิน 50 ล้านบาท และต้องเป็นหน่วยงานรัฐที่ไม่เคยได้รับงบการสนับสนุนงบในลักษณะดังกล่าวมาก่อนด้วย ทั้งนี้จะให้หน่วยงานรัฐที่สนใจเสนอโครงการและจำนวนเงินที่ต้องการมายัง พพ. ซึ่งจะมีการพิจารณาให้คะแนนจัดลำดับหน่วยงานที่สามารถสร้างผลการอนุรักษ์ได้สูง และมีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการก่อน
“อย่างไรก็ตาม คาดว่างบ 6,000 ล้านบาท อาจไม่เพียงพอที่จะช่วยดำเนินการติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองสำหรับหน่วยงานรัฐตามคำสั่งนายกฯ ได้ทั่วทั้งประเทศนั้น ดังนั้น พพ. จึงเตรียมไปหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อให้จัดสรรงบประมาณสำหรับดำเนินการโครงการดังกล่าว ซึ่งต่อไปถ้าหน่วยงานรัฐ เช่น โรงพยาบาล สถานีตำรวจ ต้องการติดโซล่าร์รูฟท็อป และมีเงินจากสำนักงบประมาณแล้ว ก็สามารถติดตั้งได้สะดวก เพียงแค่จ้างที่ปรึกษาให้ดำเนินการ ซึ่ง พพ. พร้อมที่จะให้คำปรึกษาเช่นกัน เนื่องจากเป็นหนึ่งในหน่วยงานกระทรวงพลังงานที่มีประสบการณ์ด้านโซล่าร์รูฟท็อปเป็นอย่างดี” นายประพนธ์กล่าว
นอกจากนี้ พพ. ยังเตรียมจัดตั้ง “กองทุนร่วมลงทุน (Matching Fund) ระยะที่ 2 สำหรับโรงพยาบาลภาครัฐที่ต้องการเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อการประหยัดพลังงาน” วงเงิน 700 ล้านบาท โดย พพ.จะช่วยสนับสนุน 70% และโรงพยาบาลรัฐออกเงินเอง 30% ของเงินทุนการเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ทั้งนี้ พพ.อยู่ระหว่างการออกหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการ และคาดว่าจะเริ่มประกาศให้ผู้สนใจสมัครร่วมโครงการได้ในเดือน ธ.ค. 2559 และเริ่มโครงการได้ในปี 2560
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากโรงพยาบาลรัฐเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้มาก ซึ่งโครงการ Match Fund ของระยะที่ 1 ประสบความสำเร็จอย่างดี มีโรงพยาบาลรัฐขอร่วมโครงการจำนวนมาก ทำให้วงเงิน 700 ล้านบาทไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงต้องเปิดระยะที่ 2 ขึ้นดังกล่าว
อ้างอิงที่มา http://energynewscenter.com/index.php/news/detail/420