พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ว่า กระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้ กฟผ.เร่งทำแผนยุทธศาสตร์ให้มีความชัดเจนภายใน 6 เดือนจากนี้เพื่อให้เกิดความมั่งคงด้านพลังงานไฟฟ้า เนื่องจากปัจจุบันเห็นว่าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.อยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ของกำลังการผลิตติดตั้งภายในประเทศ ขณะที่เดียวกันยังได้หารือถึงการลงทุนของบริษัทลูกของ กฟผ.เพื่อให้มีความคล่องตัวและสามารถแข่งขันกับเอกชนได้ด้วย
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่นั้นก็ได้มีการหารือร่วมกันว่าหากไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผน ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT คืนท่อส่งก๊าซธรรมชาติให้กับกระทรวงการคลังให้ครบถ้วนนั้นทางกระทรวงพลังงานพร้อมจะปฏิบัติตาม แต่ขอรอดูความชัดเจนจากข้อสรุปว่าควรปฏิบัติตามหน่วยงานใด เพราะขณะนี้มีความเห็นจากหลายหน่วยงานทั้งจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลปกครองสูงสุด
ทางด้านนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานบอร์ด กฟผ. เปิดเผยว่า การเกิดปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือพีกถึง 7 ครั้ง โดยพีกสูงกว่า 7% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องปรับแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี (พีดีพี 2015) ทั้งนี้ กฟผ.จำเป็นต้องลงทุนทั้งการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ และสร้างสายส่งสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โดยต้องใช้เงินลงทุนราว 5 แสนล้านบาทนั้น นับเป็นวงเงินที่สูง และรัฐบาลก็ไม่ต้องการให้เป็นภาระหนี้สาธารณะ จึงสั่งให้ กฟผ.ศึกษากลไกการบริหารและเครื่องมือทางการเงินจะใช้รูปแบบใดให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกเหนือจากเรื่องการจัดตั้งกองทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานแล้ว