นายโกวิทย์ คันธาภัสระ ประธานและหัวหน้า บริษัท จีอี ประเทศไทย ลาว และเมียนมา เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีประสิทธิภาพที่สุดของโลกใช้เทคโนโลยีระดับสูงของจีอี ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงถึง 49% โดยค่าเฉลี่ยประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าทั่วไปในโลกจะอยู่ที่ 33% เท่านั้น และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 2% ซึ่งผลิตภัณฑ์ของจีอีมีระบบควบคุมคุณภาพอากาศที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเสียได้มากกว่าข้อกำหนดที่เข้มงวดที่สุดในโลก
นายดิดิแอร์ ฟาเรซ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย สตีม พาวเวอร์ ซิสเต็ม ประจำประเทศไทย จีอี เปิดเผยว่า จีอีให้ความสนใจเข้าร่วมประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทุกโครงการ เนื่องจากมีจุดแข็งตรงที่มีเทคโนโลยีลดมลภาวะตามสเปกที่ กฟผ.กำหนดทุกประการ
ด้านนายกรศิษฎ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการ กฟผ.ยืนยันว่า กฟผ.จะเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ จ.กระบี่ และโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จ.สงขลา พร้อมทั้งจะเสนอทบทวนแผน PDP 2015 ทั้งด้านสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงและกำลังการผลิต โดยจะเร่งพัฒนาพลังงานหมุนเวียนควบคู่กับโรงไฟฟ้าถ่านหินในสัดส่วนที่เหมาะสม
นายวันชัย หงส์เชิดชัย ผู้ช่วยผู้ว่าการบัญชี กฟผ.เปิดเผยว่า กฟผ.เล็งออกพันธบัตร-กองทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ารวม 60,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนระหว่างปี 2560-2561 แบ่งเป็นการลงทุนระบบส่ง และโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 แห่ง อย่างละ 30,000 ล้านบาท แต่การกู้เงินยังต้องพิจารณาว่า โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้ง 2 แห่ง จะเกิดขึ้นเมื่อใด ขณะเดียวกันรอนโยบายจากรัฐบาลว่าจะให้ กฟผ.กู้ด้วยวิธีใดจึงไม่กระทบต่อเพดานหนี้สาธารณะ